เด็กวัดร้อยล้าน เอก ศุภากร ประทีปถิ่นทอง
หลายคนลงความเห็นว่าหนุ่มหล่อคนนี้หน้าเหมือนนักร้องเกาหลี แต่ที่เราว่าน่าสนใจกว่านั้นคือ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของโปรเจ็คท์สร้างโรงงานสำเร็จรูป มูลค่าร้อยกว่าล้าน ด้วยวัยเพียง 24 ปี
ชีวิตเด็กวัด
“ผมเจอกับหลวงพี่อุเทนตอนอายุ 13 ปี สมัยท่านจำอยู่ที่วัดท่ากระบือ คุณพ่อคุณแม่ผมชอบเข้าวัดทำบุญ วันหนึ่งพาลูก 5 คนไปทำบุญเข้าพรรษา ทุกคนเข้าไปกราบหลวงพี่กันหมด แต่ผมนั่งดูทีวีรออยู่ในรถท่านก็พูดขึ้นมาว่า ‘6 คนนี้ไม่อยากเจอ อีกคนหนึ่งอยู่ไหนไปตามมา’ คุณพ่อจึงมาตามให้ผมไปกราบหลวงพี่ พอเจอกันท่านพูดว่า ‘มาเป็นลูกศิษย์ มาเป็นน้องชายฉันมั้ย’ ตอนนั้นยังเด็กผมก็เฉยๆ มาหาท่าน แค่เดือนสองเดือนมาที จนกระทั่ง 2 - 3 ปีที่แล้วลูกศิษย์ท่านคนหนึ่งออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ผมเลยตั้งใจจะเข้าวัดมาช่วยงานหลวงพี่สักสองวัน แต่กลายเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนเป็นปี อยู่วัดจนไม่รู้ตัว ตอนนี้กลับบ้านไปลำบากกว่าอยู่วัดอีก เพราะผมขนของมาหมด (หัวเราะ)
“สมัยเรียน (คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขานิเทศศาสตร์ เอกวารสารศาสตร์และหนังสือพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) ผมไป - กลับวัดทุกวัน เย็นๆ จะเข้าไปกินข้าวกับครอบครัวก่อน เวลาบอกเพื่อนว่าอยู่วัดก็ไม่มีใครเชื่อ จนเขามาเจอรถผมจอดอยู่ในวัด เพื่อนโทร.มาถามว่าเห็นรถเอกจอดอยู่ ผมก็ยืนยันว่าอยู่วัดจริงๆ
“งานส่วนใหญ่ในวัดผมจะดูแลหลวงพี่ คอยประสานงานเวลามีแขกผู้ใหญ่หรือญาติโยมนัด ทำความสะอาดกุฏิ ล้างห้องน้ำ ซักจีวร เห็นอะไรไม่เรียบร้อยในวัดก็คอยจัดระเบียบ ทุกวันนี้ผมยังอยู่วัด มีความสุขกับการดูแลญาติโยม ซึ่งก็เหมือนได้ดูแลหลวงพี่ไปพร้อมกับวิ่งไปทำงานที่ไซต์งาน หลวงพี่บอกว่าผมมีบุญที่ได้ทำงานในวัด คอยทำนุบำรุงศาสนา ถือว่าอยู่ในเส้นทางที่ดี อีกเรื่องที่ท่านเน้นสอนคือ ความกตัญญู”
เอก ศุภากร เล่าถึงที่มาที่ไปของตัวเขาเองให้ฟังว่า ตนจบจากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร พ่อทำงานเป็นพนักงานธนาคารฝ่ายสินเชื่อ แม่เป็นคุณครู แต่ด้วยความที่มีลูกเยอะ 5 คน ทำให้พ่อแม่ต้องเปลี่ยนมาทำอาชีพค้าขายของชำ ทั้งนี้ตนเป็นลูกคนที่สองซึ่งเป็นพี่ชายคนโตที่สุดในบ้าน ก็จะช่วยพ่อแม่ทำงาน ค้าขายมาโดยตลอด ซึ่งพ่อแม่จะสอนตนเสมอว่า พ่อแม่มีลูกหลายคนอาจจะดูแลลูกไม่ทั่วถึง ตนซึ่งเป็นพี่ชายคนโตจึงต้องช่วยดูแลน้อง ทั้งนี้จากการที่ตนได้คลุกคลีอยู่กับการค้าขาย ประกอบกับเห็นพ่อแม่ทำงานหนักทำให้ตนได้ซึมซับพฤติกรรมจากพวกท่านมาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ พ่อจะคอยสอนลูก ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเย็นทุกคนจะต้องมานั่งกินข้าวพร้อมกัน ถ้าไม่ครบก็จะรอ เพราะถือว่าเป็นเวลาครอบครัวที่ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้ากันและได้พูดคุยกัน ขณะเดียวกันพ่อแม่จะสามารถสอน ให้ความรู้ และปลูกฝังให้ลูกทุกคนเป็นคนดี โดยพวกท่านย้ำว่าสังคมจะดีได้ ต้องมาจากครอบครัวที่ดีก่อน
เมื่อถามว่าในเมื่อที่บ้านมีฐานะปานกลาง เหตุใดจึงมาอยู่ที่วัดนั้น คุณเอก กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดมาก่อนเลยเหมือนกันว่าจะได้มาเป็นเด็กวัด เมื่อตอนที่ตนอายุประมาณ 13-14 ปี ช่วงวันเข้าพรรษา ครอบครัวได้นำเทียนพรรษาไปถวายที่ วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร ซึ่งตนไปพบกับหลวงพี่อุเทน (พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร) ซึ่งเป็นพระที่มีชื่อเสียง คำแรกที่ท่านถามตนก็คือ มาเป็นลูกศิษย์ฉันไหม? มาเป็นน้องชายฉันไหม? ตอนนั้นตนเป็นเด็กจึงรับปากไป ตั้งแต่วันนั้นเวลาตนมีปัญหาจึงเข้าไปคุยและปรึกษาท่านตลอด ทั้งนี้ หลวงพี่บอกตนว่าสาเหตุที่ท่านชวนตนมาเป็นลูกศิษย์นั้น เพราะเห็นว่าตนเป็นคนมีบุญ ชะตาดีมาก เป็นคนมีความกตัญญูเหมือนเขา และสามารถทำความเจริญให้แก่สังคมได้ และมีอนาคตที่ก้าวไกล
คุณเอก กล่าวต่อไปว่า ตนเริ่มมานอนที่วัดประมาณอายุ 18 ปี ตนได้ขับรถพาหลวงพี่ไปทำกิจนิมนต์บ้านญาติโยมจึงนอนค้างที่วัด และตอนเช้ามาก็ต้องดูแลหลวงพี่ ส่วนตอนกลางวันก็จะรีบไปดูแลที่บ้านด้วย ซึ่งจากการที่ได้เป็นเด็กวัดและอยู่ใกล้ชิดกับพระนั้น ทำให้ตนได้เรียนรู้การใช้ชีวิต สอนวิธีคิด วิธีการทำงาน และสอนในโลกของความเป็นจริง ซึ่งก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของตนได้เช่นกัน
เมื่อถามว่าเริ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตอนไหนนั้น เจ้าตัวกล่าวว่า เริ่มทำเมื่อกลางปี 2554 ที่ผ่านมา มีลูกศิษย์หลวงพี่มาปรึกษาว่ามีเครื่องจักรแต่ไม่มีที่ ซึ่งตนฟังอยู่ด้วยและคิดว่า เราน่าจะจัดสรรที่ดินและสร้างโรงงานให้เขาแบบที่ไม่ต้องใหญ่มากเพื่อตอบสนองความต้องการของเขา จึงไปปรึกษาความเป็นไปได้กับพ่อแม่ ซึ่งพ่อก็สนับสนุนและให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ โดยเมื่อเริ่มสร้างโครงการตนจะเป็นผู้ดูแลเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร เซลล์ฝ่ายขาย ดูบัญชี เช็คของ ซึ่งขณะนี้ตนได้ดำเนินการมา 2 โครงการมีมูลนับร้อยล้านบาท
แม้ว่าคุณเอกจะกล่าวว่าความสำเร็จเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เขาได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน แต่เชื่อว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความขยัน และการประพฤติปฏิบัติตนที่ดี จะทำให้ เอก ศุภากร ประทีปถิ่นทอง เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้มีอนาคตก้าวไกลอย่างแน่นอนค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น