ปรัศว์ หงส์ลดารมภ์ จากเด็กเรียนมหา'ลัยเยล สู่นักการตลาดรุ่นใหม่





เรื่องราวของนักการตลาดหนุ่มไฟแรง ผู้เปลี่ยนแปลงแบบ 360 องศา จากเด็กเรียนสุดเรียบร้อย พูดน้อย สู่การเป็นนักการตลาดหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ต้องพบปะ ติดต่อสังสรรค์กับผู้คนมากมาย เขาบอกว่าการปรับตัวทำได้ไม่ยาก แค่ต้องอาศัยการเปิดใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ผ่านเข้ามา
     
       ชายหนุ่มที่นั่งพูดคุยกับเราในวันนี้ เราให้เล่าฟังว่า ภาพลักษณ์ของเขาในสมัยก่อนคือ เด็กเรียนสุดเรียบร้อย ด้วยดีกรีที่เรียนจบระดับมัธยมด้วยคะแนนสุงสุดของชั้น และจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยระดับท็อปเทนของสหรัฐอเมริกา แถมอุปนิสัยใจคอ ยังเป็นหนุ่มเรียบร้อยและพูดน้อย แต่ปัจจุบันเขาคือ นักการตลาดรุ่นใหม่ในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ซันซิล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด สายงานที่ต้องแอ็กทีฟและติดต่อกับผู้คนมากมายอยู่เสมอ

"เบส" หรือ “ปรัศว์ หงส์ลดารมภ์” หนุ่มวัย 26 เล่าย้อนไปในวัยเด็ก ที่เขาตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลไปไปศึกษาไกลถึงสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุได้เพียง 13 ปี เท่านั้น “ก่อนหน้านั้นผมเคยไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษก่อน คือผมชอบที่จะเรียนรู้และอยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนด้วย เพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ดี เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเรา เลยตัดสินใจว่าไปเรียนต่อที่อเมริกาก็แล้วกัน ตอนนั้นจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้วก็ไปสหรัฐอเมริกาเลย ไปอยู่ที่นั่นทั้งหมดก็ 9 ปี

ตอนแรกที่ไปก็คิดถึงบ้านทุกวัน ผมใช้เวลาปรับตัวประมาณ 6 เดือน เพราะภาษาอังกฤษของเราก็ยังไม่แข็งแรง การไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา อาจจะลำบากสำหรับผมในช่วงแรก แต่พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกประทับใจ เพราะเราต้องทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวของตัวเองทั้งหมด ต้องจัดตารางทุกอย่างในชีวิตเองทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรามั่นใจ และสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้”
     
       หลังจากจบมัธยมด้วยคะแนนสูงลิ่ว เขาก็ได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดัง “การที่เราไปเรียนมหาลัยท็อปเทน ก็ยอมรับว่ามีการแข่งขันสูง เพราะมีแต่เด็กเก่งๆ ของแต่ละโรงเรียนมารวมตัวกัน ถามว่ากดดันหรือไม่? ตอนนั้นก็กดดันมาก ที่เราต้องพยายามทำให้ดี เพราะว่าเราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจด้วย ตอนนั้นเรียนหนักมาก เป็นเด็กเรียนเต็มตัวเลย”
     
       แต่ถึงแม้จะเป็นคนตั้งใจเรียนอย่างไร สำหรับกิจกรรมอื่นปรัศว์ก็ไม่เคยทิ้ง เขาจัดสรรเวลาและทำทั้งสองอย่างควบคู่กันได้ดี ไม่ว่าการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน นักไวโอลิน ในวงดนตรีออเคสตร้า และการเป็นรองประธาน Thai Club สมัยมหาวิทยาลัย “ผมว่าการเรียนหนังสือก็เหมือนการทำงาน คือมันไม่มีวันจบ เราต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรามีกิจกรรมอะไรที่เราสนใจ เราก็จะแบ่งเวลาเอาไว้เลย เพื่อทำกิจกรรมเหล่านี้”
     
       เมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย ปรัศว์กลับมาช่วยงานที่บ้านซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 1 ปี ก่อนตัดสินใจมาหาประสบการณ์การทำงานที่กรุงเทพฯ
     
       “ตอนนั้นก็ดูแลในด้านการตลาดและการจัดการของคลับเฮาส์ที่โครงการ พอทำมาได้ประมาณหนึ่งปี ก็เริ่มอยากหาประสบการณ์เพิ่ม เลยมาที่กรุงเทพ พอดีที่ยูนิลีเวอร์มีโปรแกรม Management Trainee Program ก็ได้เข้าร่วม ซึ่งได้เรียนรู้งานเยอะมาก และทำมกับยูนิลิเวอร์มาจนถึงปัจจุบัน ช่วยรับผิดชอบในส่วนการคิดกลยุทธ์ ธุรกิจ การตลาด”


เพราะด้วยบุคลิกเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด ปรัศว์เล่าว่า ในช่วงแรกเขาต้องปรับตัวเยอะมาก “ผมว่าการทำงานการตลาดต้องเข้าใจเรื่องจิตวิทยานะ เพราะเราต้องติดต่อกับคนเยอะ มันคือการเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ เรื่องของจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ช่วงแรกผมมีอุปสรรคเหมือนกัน บางช่วงทำงานไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ผม อย่างต้องไปดีลกับคนเยอะๆ แต่ผมว่าทุกอย่างมันคือการเรียนรู้ การปรับตัว พัฒนาไปข้างหน้า ซึ่งเมื่อเราเปิดใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราก็ผ่านมาได้”
     
       แม้ว่าเขาจะมุ่งมั่นและตั้งใจกับการทำงานมากแค่ไหน แต่เข้าก็ให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลในชีวิตเช่นกัน “หลังเลิกงาน ผมก็จะไปว่ายน้ำทุกเย็น ถึงเราจะทำงานหนัก แต่ถ้าไม่ออกกำลังกาย ผมรู้สึกว่าไม่ผ่อนคลาย สมองไม่ปลอดโปร่ง ซึ่งผมจะไปว่ายน้ำประมาณ 3 กิโลเมตรต่อวันเลย เป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้
     
       ตอนนี้ผมยังเริ่มศึกษาโยคะ ซึ่งช่วยเรื่องการเพิ่มความยืดหยุ่น และทำให้เราฝึกสมาธิได้ด้วย เพราะงานมาร์เก็ตติ้ง ทุกอย่างมันเร็ว พอเราทำงานไปเยอะๆ จะรู้สึกว่าสมาธิเราสั้นลงนะ การฝึกโยคะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราโฟกัสในสิ่งที่เราทำอยู่ได้ พอเรามีสมาธิ เราก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
     
       ปรัศว์ได้ให้คำจำกัดความตัวเองทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ว่า “ผมเป็นคนมุมานะ และตั้งใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบรรลุความสำเร็จ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วผมต้องการที่จะทำอะไร ผมจะทำให้มันประสบความสำเร็จครับ ถ้าเราตั้งเป้าไว้แล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น เราก็ต้องผลักดันตัวเองให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้ในที่สุด” 

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมอยากพบคุณจัง.คุณเก่งคงช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128

    ตอบลบ
  2. ผมอยากพบคุณจัง.คุณเก่งคงช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128

    ตอบลบ