หนุ่มคนนี้เขาทั้งรูปหล่อ พ่อรวย มาดแมน เป็นเจ้าของธุรกิจระดับหมื่นล้าน มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ และมีเสน่ห์เหลือร้าย เรียกได้ว่าคุณสมบัติครบเซ็ตแบบนี้ ก็ไม่แน่แปลกใจที่สาวๆ จะวิ่งเข้าหา “โก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา” จนทำให้ตกเป็นข่าวกับสาวๆ คนดังให้พบเห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าใครรู้จักเขาจากข่าวกอซซิบซุบซิบคงรู้จักหนุ่มโก้ในภาพลักษณ์ “คาสซาโนว่า” แต่ถ้าในแวดวงสังคมและธุรกิจ ทุกคนจะรู้กันดีว่าหนุ่มคนนี้นับได้ว่าเป็นนักธุรกิจคนเก่ง คลื่นลูกใหม่ที่มาแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเป็นซีอีโอของธุรกิจมูลค่านับหมื่นล้าน แม้ภาพที่เราเห็นกันจะเป็นหนุ่มมาดสปอร์ต ผู้สนุกสนานกับการใช้ชีวิต และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทำให้หลายคนอาจจะมองว่าเขาก็เหมือนทายาทเศรษฐีทั่วไปที่มักสนุกสนานกับการใช้เงินของบรรพบุรุษ แต่ที่จริงแล้วตัวตนของ “โก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา” คือหนุ่มผู้ทำงานหนัก และเป็นนักบริหารทั้งเรื่องของเงินทาง การทำงาน ไปจนถึงเวลาทุกนาที ด้วยการสืบทอดสายเลือดนักธุรกิจมาอย่างเต็มตัว จากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในแถวบางนา-สุวรรณภูมิ วินด์มิลล์ กรีนวัลเลย์ ชานนท์ที่คลุกคลีอยู่กับธุรกิจของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ได้เข้ามาดำเนินกิจการพร้อมสยายปีกออกไปในอีกหลายโครงการ โดยเขาเรียกตัวเองว่าเป็น Housing Developer |
“ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยกิจการในทางราบคือ พวกบ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ โครงการบ้านจัดสรร และก็ในทางสูงคือ คอนโดมีเนียม แบรนด์ไอดีโอ (Ideo) ในนามบริษัท อนันดา ดีวิลอปเมนท์ที่มีนับ 10 แห่ง" |
โดยธุรกิจล่าสุดของหนุ่มคนนี้ นอกจากบ้านและคอนโดแล้ว คือการเปิด “บูลเดก (Bludeck)” สถานที่เขาเรียกมันว่า Hybrid Sport-Social Club ขึ้นที่ซัมมิตวินด์มิลล์ ซึ่งเกิดจากจุดเริ่มต้นที่ชานนท์มองว่า นี้เป็นยุคที่เราต้องสร้างสถานที่อยู่พักอาศัย ซึ่งครบวงจร มีบริการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน โครงการนี้จึงเกิดขึ้น โดยลงทุนเฉพาะการก่อสร้างตกแต่งไปกว่า 150 ล้านบาท
“บูลเดก คือสถานที่แห่งการรวมตัวของกลุ่มสังคม กลุ่มเพื่อน โดยบริการแรก นั่นคือ ศูนย์ออกกำลังกายครบวงจร ที่มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องยิมเนเซียม ห้องฟิตเนส เอกเซอร์ไซด์ คลาส ไปจนถึงสนามเทนนิส มีคลาสมากมาย ทั้งโยคะ มวยไทย เทควันโด แดนซ์ อย่างเราต้องการให้บลูเดกเป็นเอ็กคลูซีฟ สปอร์ตคลับ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยได้
อีกทั้งยังมีบริการร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน อย่าง แบ็กโก (Bacco) ไว้ให้เป็นสถานที่แห่งการพบปะสังสรรค์ได้ไปในตัว ในช่วงค่ำก็จะมีเพลง มีดีเจเปิดแผ่น สนุกสนานกัน ถือได้ว่า บลูเดก เป็นได้ทั้งสถานที่ออกกำลังกายและแฮงก์เอาต์ของกลุ่มเพื่อน เป็นการนำสองสิ่งนี้มารวมเข้าไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่าสร้างสังคมแหล่งรวมของไลฟ์สไตล์แนวใหม่”
หนุ่มโก้ได้ลงมาดูแลโครงการนี้อย่างเต็มตัว เพื่อให้ไดบริการที่ยอดเยี่ยมและถูกใจลูกค้าที่สุด ซึ่งระดับมาตรฐานที่หนุ่มสุดเพอร์เฟ็กต์คนนี้เลือกสรร ทุกอย่างต้องดีที่สุด เพราะเขาเป็นคนทำอะไรจริงจังเต็มที่ทุกอย่าง
“ผมเลือกของที่ดีที่สุด อย่างอุปกรณ์ฟิตเนสก็เลือกแบรนด์ที่ดีสุด ไลฟ์ฟิตเนส ซึ่งมีจอทีวี มีช่องเสียบไอพอด และยูเอสบี พร้อมดาวน์โหลดสถิติข้อมูลการออกกำลังกายของเราออกมาได้เลย สนามบาสอินดอร์ที่เปลี่ยนเป็นคอร์ตแบตมินตันได้ ก็เลือกใช้พื้นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งเอ็นบีเอ หรืออย่างสนามเทนนิส ผมก็ใช้มาตรฐานของ ออสเตรเลียนโอเพ่น ที่เป็นสนามฮาร์ตคอร์ตระดับโลก และก็ได้มืออาชีพอย่าง “ภราดร ศรีชาพันธุ์” ที่สนิทกันมาช่วยตรวจแบบให้”
|
:: ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกสงสัยกับคำจำกัดความที่ว่า ไฮบริด สปอร์ต โซเชียล คลับ (Hybrid Sport Social Club) ชานนท์อธิบายให้เราฟังว่า “ผมไม่อยากทำที่นี่เป็นแค่สปอร์ตคลับ หรือ ฟิตเนส เพราะผมไม่คิดว่าคนเรามาออกกำลังกายกัน เพื่อจะฟิตหุ่นจริงจังเอาเป็นเอาตาย แต่มันคือการมาออกกำลังกายไปพร้อมกับการสนุกสนาน มาเจอเพื่อน มาเป็นครอบครัว ออกกำลังกายมีกิจกรรมร่วมกัน แล้วก็อยู่กินข้าว นั่งเล่นสังสรรค์กัน... ที่นี่คุณสามารถเข้ามาเล่นได้ตั้งแต่ 4 โมงแล้วอยู่เล่นกีฬา เข้าคลาส อาบน้ำ เซาน่า ดินเนอร์ สนุกกันได้ยาวไปจนถึง 4 ทุ่ม เพราะในร้านอาหารก็มีอุปกรณ์ดีเจครบถ้วน ซึ่งได้พวกเพื่อนๆ นักดนตรีอย่าง ดีเจบุดด้า หรือไทเทเนียม มาช่วยเรื่องดนตรีให้” ซึ่งเรื่องกีฬาและดนตรี ผับบาร์ ดื่มไวน์ สำหรับบางคนอาจจะดูขัดแย้งกัน แต่ในแนวคิดของผู้ชายคนนี้ เขาบอกว่า นั่นคือองค์ประกอบของไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ “ผมว่าคนเราไม่ใช่พระ ที่จะต้องเคร่งเครียด หรือใช้ชีวิตแบบสุดขั้วด้านใดด้านหนึ่ง แต่มันต้องมีหลายด้าน ตอนเช้าไปทำงานก็ทำเต็มที่ แล้วก็ตกมาดูแลตัวเองออกร่างกาย ค่ำๆ ก็สนุกสังสรรค์ให้รางวัลชีวิต ผ่อนคลาย... ซึ่งที่นี่มีครบ ทั้งเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย ช่วงเวลาแห่งความสนุก ไปจนถึงธรรมะ เราก็มีคลาสนั่งสมาธิด้วย มนุษย์เราผมว่าขอให้เราเดินสายกลาง ใช้ชีวิตให้เป็น ไม่ใช่สนุกเกิน หรือเคร่งเครียดเกิน ผมว่าทุกสิ่งสำคัญกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงาน ออกกำลังกาย เวลาสนุก มันคือความรื่นรมย์ของชีวิต” เรียกได้ว่าที่นี้ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งที่นี้นับได้ว่าสะท้อนตัวตนของหนุ่มคนนี้ออกมาจนเราสัมผัสได้ เพราะหนุ่มโก้ ก็นับเป็นที่เต็มที่ทุกอย่างกับชีวิต เป็นนักธุรกิจคนเก่ง เป็นนักกีฬาตัวฉกาจ แล้วก็รู้จักสนุกสนานกับงานปาร์ตี้และกลุ่มเพื่อนอย่างมีสไตล์ เพราะที่นี่ตอบสนองความต้องการให้กับทุกคน ทั้งตัวชานนท์เองและกลุ่มเพื่อนที่มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพวกนักดนตรี สาวๆ ในวงการหรืออย่างเพื่อนของน้องสาวที่ทำร้านเสื้อผ้าก็จะมีเพื่อนๆ วงการแฟชั่นและพวกนางแบบ ต่างก็จะมานัดพบ สนุกสนานกัน ทำให้ที่นี้จะมีคนอินเทรนด์และหนุ่มหล่อสาวสวยมาเยือนมิได้ขาด |
:: มุมมองนักธุรกิจ แม้เราจะเห็นว่าหลายส่วนของบูลเดกถูกถ่ายทอดมาจากตัวตนของชานนท์ แต่ขอบอกว่าหนุ่มคนนี้เขาไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวและธุรกิจมาปะปนกัน “อย่าคิดว่าผมทำขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเองนะ เพราะในฐานะนักธุรกิจลงทุนทำอะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรืองานอดิเรก ผมทุ่มเทและตั้งใจกับงานทุกชิ้น และเป็นมืออาชีพซึ่งจะไม่มีการเอาเรื่องส่วนตัวมาข้องเกี่ยว แต่สำหรับโครงการนี้ มันเหมือนเป็นโบนัสมากกว่า เพราะมันคือธุรกิจที่ต้องการอารมณ์ รสนิยม ที่ต้องมาผสานกัน จึงสามารถหยิบจับสไตล์ความชอบมาประกอบได้ แต่ก็ต้องดูความเหมาะสม ดูแนวโน้ม และทิศทางตลาดด้วย มีมาตรฐาน เพราะทำธุรกิจเราก็ต้องได้รับความนิยม ถูกใจตลาด ถึงจะมีผลกำไร” โดยตอนแรกอาคารของบูลเดก สร้างเสร็จมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างไปจากนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องปรับเปลี่ยนเกือบทั้งหมด เพราะชานนท์ให้เหตุผลว่าแบบเดิมมันไม่โดน “ปัจจุบันนี้ถ้าจะมาแบบตึกๆ เป็นฟิตเนส เป็นสปอร์ตคลับ มันไม่ได้แล้วมันต้องมีเสน่ห์ เลยออกมาเป็น บลูเด็ค ที่มีสไตล์เหมือนรีสอร์ตริมทะเล เพราะผมเชื่อว่าการทำอะไรสักอย่างถ้าไม่มี Wow Effect คือทำอะไรแล้วคนไม่ฮือฮา ประทับใจ อย่างทำดีกว่า ธุรกิจจะเวิร์กได้ต้องให้คนที่เขาเห็น แล้วตื่นเต้น อยากรู้ แบบ “เอ๊ะ..มีด้วยเหรอแบบนี้ อยู่ที่ไหน” มันถึงจะไปได้ดี” หนุ่มนักธุรกิจคนนี้ตัดสินใจทำโครงการนี้เพราะมองเห็นแล้วว่ามันคือช่องว่างของตลาด “ผมไม่ได้ทำแค่เพื่อให้ลูกบ้านในหมู่บ้านวินมิลล์เท่านั้น แต่มองว่าในละแวกสุวรรณภูมิ-บางนา ไม่มีบริการแบบนี้เลย เราก็มารับรองความต้องการตรงนี้ มันเหมือนเป็นสูญญากาศไม่มีคู่แข่ง ตรงนี้นับเป็นทางเลือกใหม่ ที่เปิดโอกาสให้เขาได้ปรับไลฟ์สไตล์ชีวิต จากที่เคยเลิกงานในเมืองก็เที่ยวเตร่แล้วกลับมาบ้านดึก ก็เปลี่ยนมาใช้เวลาแถวนี้แทนได้.... ซึ่งบลูเดกยังมีส่วนที่จะขยับขยายอีก ไม่ว่าจะเป็นบริการที่มากขึ้น คลาสต่างๆ ส่วนบิวตี้แอนด์สปาที่จะต้องเปิดขึ้น และยังมองว่ามันไปได้อีกไกล ร้านอาหารก็อาจขยายสาขาไปได้ หรือบางคนก็อาจจะบอกว่าน่าไปเปิดบลูเดก บรรยากาศแบบนี้ที่แถวทองหล่อ ซึ่งผมก็มองว่ามันน่าสนนะ แต่ก็ต้องพิจารณาให้ดี เพราะมันไม่ใช่ธุรกิจหลักสำหรับผม เพราะที่ผมทำอสังหาริมทรัพย์นี้แต่ละโครงการมันก็สเกลใหญ่กว่าเยอะ เม็ดเงินเป็นหมื่นล้าน กับมาทำร้านไลฟ์สไตล์ซึ่งเงินเล็กกว่ามากเนี่ย คนเป็นนักธุรกิจเราก็ต้องมาคำนวนว่าเวลาของเรามันจะคุ้มค่ากันหรือเปล่า” |
ความฝัน ความถนัด และความเป็นจริง บางครั้งอาจไม่ไปด้วยกันเสมอไป แม้ว่าตอนเด็กๆ ชานนท์จะเป็นคนหนึ่งที่มีความถนัดทางด้านการวาดรูป แต่ความเป็นจริงเขารู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องกลับมาช่วยทางบ้านดูแลธุรกิจ
:: คิดแค่ว่าจะเป็นซีอีโอที่ดีได้อย่างไร?
“ตอนเด็กๆ ผมชอบวาดรูป ผมสามารถมองภาพแล้วออกมาเป็นมุมมอง 3 มิติได้เลย แต่ในที่สุดมาเรียนด้านการเงิน เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายต้องมาทำงานทางบ้าน ต้องเป็นนายคน ฉะนั้นเลยคิดว่าเป็นนายที่ดีเป็นอย่างไรดีกว่า
ทุกวันนี้ผมดูแลอยู่หลายโปรเจ็กต์ ถ้าถามว่าสำเร็จหรือไม่ จะบอกว่า 100% คงเวอร์ไป แต่ก็ถือว่าใช้ได้ บางอย่างก็ต้องมีการแก้ การเป็นนักธุรกิจที่เก่งเราต้องเป็นผู้แก้ปัญหาที่เก่งคนนึงขององค์กร ถ้าถามถึงปัญหาที่หนักที่สุด..ไม่มีครับ!! แก้ได้หมด! ปัญหาที่เจอคือปัญหาปกติ อย่างเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ทุกอย่างเหมือนภาวะอากาศที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราก็ต้องปรับตัวไปแล้วก็จะแก้ปัญหาได้
หากเปรียบตำแหน่งซีอีโอผมว่าเหมือนเป็นกัปตันเรือ ที่ต้องคอยดูทิศทางลม คอยดูว่ามีคลื่นใต้น้ำมั๊ย ในเรือมีศัตรูหรือเปล่า ซึ่งปัญหาอันดับหนึ่งของทุกองค์กรก็คือเรื่องของบุคคลากร ทีมงาน ในการทำงานไม่ใช่ One man show เราต้องคำนึงถึงลูกน้องของเราด้วย”
เมื่อทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานขนาดนี้ หากพูดถึงชีวิตในการทำงานชานนท์เป็นคนที่วางตารางเวลาชีวิตไว้เหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์พยายามทำทุกอย่างในเป๊ะที่สุด แต่ก็ไม่ลืมบาลานซ์ชีวิตด้วย...
“ตารางชีวิตผมแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ผมเป็นคนตรงต่อเวลาและผมก็คาดหวังว่าทุกคนก็คงจะตรงต่อเวลาในวันนึงผมมีประชุม 8-9 ประชุม ไม่มีช่องว่างเลย อยู่บนรถก็คุยติดต่องานตลอด
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งไว้เป็นกฎส่วนตัวคือ ผมพยายามไม่ทานข้าวกับคู่ธุรกิจในมื้อเย็น เพราะอยากให้เวลาตัวเอง รีแลกซ์ สังสรรค์กับเพื่อน เพื่อนเราจะรู้ว่าบุคลิกของเรามี 2 ขั้ว เวลาทำงานก็ทำจริงจัง เวลาสนุกกับเพื่อนก็ไม่คุยงานเลยและไม่ให้ใครพูดถึงด้วย เป็นสิ่งที่ดีมากเลยที่เรามีสมาธิพอที่จะแบ่งแยกอย่างชัดเจน และพอถึงเวลาที่บอกว่าจะนอนแล้วนะ หัวถึงหมอน 1 นาทีหลับเลยนะ ปิดสวิตส์ เพราะผมเคยฝึกสมาธิมาตั้งแต่เด็ก ผมว่าเป็นพลังอันหนึ่งที่สำคัญที่สุด”
:: ผู้ชายสองขั้ว
ยุคนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบในตัว ต้องอาศัยการผสมผสานเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่ครบ 360องศา ซึ่งตัวชานนท์เองก็ผสมผสานทุกอย่าง เขาเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตเฮฮาปาร์ตี้ ในขณะเดียวกันเขาก็มีมุมวิเวกอยู่กับสมาธิ โดยที่ตัวเขาเปรียบตัวเขาว่าเป็น “ฟองน้ำ” ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ในชีวิตตลอดเวลา
|
“ผมทำหมดทุกอย่างไม่ได้แบ่งแยกชัดเจนว่าดีหรือเลวชัดเจน ผมเล่นกีฬา โดดร่ม แข่งรถ ดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ แต่ผมก็ชอบทำสมาธิ เล่นโยคะ ทำการกุศล อยากใช้ชีวิตให้คุ้มตลอดเวลา เวลาพักผ่อนของผมแม้จะมีน้อยแต่ ผมใช้คอนเซ็ปต์ว่า มีน้อยดีกว่าไม่มี บางทีเย็นวันศุกร์เลิกงาน ผมก็นั่งเครื่องบินไปภูเก็ต ออกเรือไปนอนในทะเล ไปนอนเกาะ ตื่นเช้ามา วิ่งริมชายหาด ดูพระอาทิตย์ขึ้น ว่ายน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก หรือไม่ก็ทำอาหารกินบนเรือ สบายใจ พลังธรรมชาติสำคัญมาก” หากถามถึงกีฬาที่ชอบที่สุดสำหรับชานนท์นั้น เขาชื่นชอบกีฬาแห่งความเร็วอย่างการขับรถแข่งโกคาร์ต เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อ พลังกำลังและความแข็งแรงในการบังคับ และเขาก็มีสนามแข่งรถเองด้วย แต่ตรงกันข้ามในชีวิตจริงเขากลับไม่ชอบการขับรถสักเท่าไหร่ “ผมชอบขับรถแข่ง แต่ชีวิตปกติผมไม่ชอบขับรถ เพราะว่ารถติดเลยต้องมีคนขับรถให้ คิดว่าผมต้องใช้เวลาให้มีผลงานมากที่สุดตลอดเวลา อย่างเวลาขึ้นรถ ถ้าเหนื่อยผมก็ทำสมาธิ บอกร่างกายจิตใจให้พัก พอไปถึงที่หมายปุ๊ป ผมทำงานต่อทันที หรือบางทีก็นั่งทำงานบนรถ เวลาเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในชีวิต ต้องทำให้คุ้มค่าที่สุด เราอาจแปรเป็นความทรงจำให้คนที่เรารัก แปรเป็นการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ผมไม่เข้าใจเมื่อมีคนพูดว่า “เบื่อไม่รู้จะทำอะไร” ผมกลับคิดว่าเวลาของผมมีน้อยจนไม่พอกับสิ่งที่ผมอยากทำ ผมอยากเรียนรู้อะไรมากมาย อยากเรียนทำพิซซ่า อยากทำอาหารญี่ปุ่น บางทีผมก็ให้เชฟสอนทำอาหาร ชีวิตเราต้องทำทุกอย่าง ถ้ามีเรือดำน้ำก็ต้องขับให้เป็น มีรถถังก็ต้องขับให้เป็น แล้วจะบอกว่าชีวิตน่าเบื่อได้ยังไง ผมมองว่าคนที่บอกว่าเบื่อผมว่าเขาทำตัวให้น่าเบื่อเองมากกว่า!” หนึ่งในหลายๆ อย่างที่เขาอยากทำนั้นก็คือการมีส่วนร่วมกับมูลนิธิการกุศล ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นประธานมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย (habitat for humanity thailand) “ถ้าว่างๆ ผมก็โทรไปหาทีมงาน เพื่อถามว่าช่วงนี้ไปสร้างที่ไหน แล้วก็ตามไปช่วยเขาสร้าง นอกจากนั้นหน้าที่หลักของเราก็คือช่วยทำพีอาร์ ช่วยหารายได้ให้มูลนิธิ ที่จริงถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้ผมอยากจะสร้างมูลนิธิอื่นๆ ด้วย เช่น มูลนิธิป้องกันทะเล เพราะผมชอบทะเล” Credit : Manager |
ผมอยากพบคุณจัง.คุณเก่ง.คงพอช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128
ตอบลบผมอยากพบคุณจัง.คุณเก่ง.คงพอช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128
ตอบลบ