หนุ่มฮอต ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักธุรกิจที่ปลดหนี้ให้คุณพ่อ100ล้าน




เรียกได้ว่ามาแรงสุดๆ ในขณะนี้ สำหรับ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หรือ ทิม หนุ่มไฮโซวัย 28 ปี ที่มีดีกรีความหล่อติดอันดับ 50 หนุ่ม CELO ปี 2008 แถมยังตกเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กกับดารานักแสดงในวงการบันเทิงถึง 2 สาว และยิ่งตอกย้ำความฮอตเมื่อรายการสุริวิภา เชิญหนุ่มทิมมาเปิดปูมชีวิต หลังเขาสามารถล้างหนี้สินกว่าร้อยล้าน ให้กลายเป็นธุรกิจพันล้านได้สำเร็จ พร้อมๆ กับกระแซะถามเรื่องหัวใจ 

นั่นแน่! เริ่มอยากรู้จักหนุ่มคนนี้กันแล้วใช่ไหมล่ะ อย่ารอช้า...วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปทำความรู้จักกับ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กันค่ะ. . . 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือ ทิม หนุ่มนักบริหารวัย 28 ปี เจ้าของส่วนสูง 175 เซนติเมตร น้ำหนัก 67 กิโลกรัม จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ การเงิน การธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ขณะนี้กําลังศึกษาระดับปริญญาโท คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบุตรชายของ คุณพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (เสียชีวิตแล้ว) กับ คุณลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ มีพี่น้อง 2 คน เขาเป็นคนโต ปัจจุบันนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการควบ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด และเกรท โอเชียน ฟู้ด ควบคู่ไปกับการบริหารบริษัทของคุณพ่อผู้ล่วงลับ เป็นบริษัทผลิตผลิตผลทางการเกษตร เช่น น้ำมันรำข้าว เป็นต้น

"สมัยวัยรุ่นนี้ผมก็เฮี้ยวไม่ใช่เล่นนะครับ ผมไม่ใช่เด็กเรียนอย่างที่หลายคนมอง ไม่ได้เป็นเด็กเก่ง แต่เกเร ซ่ามาก สูบบุหรี่ ชกต่อย พ่อเลยส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่เงียบมาก ทำเอาผมหายซ่าไปเลย กลายเป็นเด็กดี แต่อยู่ที่นิวซีแลนด์ไม่ได้อยู่แบบคุณหนู ผมต้องงานพิเศษหาเงินเอง ทั้งเก็บสตอเบอรี่ ส่งนม ปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ พอคุณพ่อเสียผมกลับมาดูแลธุรกิจ ซึ่งตอนแรกที่รู้ข่าวคุณแม่ช็อกมาก เพราะทำใจไม่ได้ น้องชายผมก็เสียใจมาก ส่วนผมตอนนั้นอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พอรู้ข่าวแล้วรีบกลับมาเมืองไทย มาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ เพราะท่านไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ามีคนอยู่ด้วย แต่พอเพลงชาติขึ้น อาหารเย็นเริ่มตั้งโต๊ะ คุณแม่จะคิดว่าทำไมคุณพ่อไม่อยู่เหมือนเดิม วิธีแก้คือผมกับน้องชายจะแบ่งวันอยู่กับแม่ สลับกันอาทิตย์ละ 3 วัน ส่วนวันอาทิตย์อยู่ด้วยกัน 3 คน"


ทิม เล่าต่อว่า วันที่ 2 ของงานศพถึงรู้ว่าคุณพ่อมีหนี้ร้อยล้าน คือ ไม่ได้เริ่มจากศูนย์แต่เริ่มจากติดลบ ไม่ได้ถามตัวเองว่าใช้หนี้ยังไง แต่ถามตัวเองว่าเรามีสติพอไหม เข้มแข็งพอไหม ตั้งแต่คุณพ่อเสียจนทุกวันนี้ร้องไห้ไปแค่ 5 นาที คือร้องตอนที่เผาออกมาแล้วเหลือกระดูกกองนิดเดียว ผมพูดไม่ออก ไม่มีเวลาเสียใจ ตอนนั้นขายของล้างหนี้ไป แต่ไม่ปิดบริษัทเพราะเป็นธุรกิจที่คุณพ่อรัก คุณพ่อรักเกษตรกรรม เราก็ซึมซับมาตั้งแต่เด็กเลยสานต่อ หลังจากใช้หนี้ร้อยล้านหมด คิดจะสานงานของคุณพ่อต่อก็เลยตัดสินใจ กู้เงินพันล้าน หน้าใสอย่างนี้แต่ธนาคารก็ยอมให้กู้นะครับ แต่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมเก่ง จริงๆ ผมเป็นคนซื่อบื่อ พูดจาอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ผมก็ทำงานให้พ่อได้ อย่างไรก็ตามการสูญเสียคุณพ่อ และการเปลี่ยนแปลงชีวิตครอบครัวครั้งนี้ทำให้ครอบครัวเรารักกันมากขึ้น โดยเฉพาะญาติทั้งฝั่งพ่อหรือแม่ต่างก็ให้กำลังใจผมมาตลอด ผ่านมาหลายปีแล้วแต่ธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าเป็นพันล้าน วันนี้บริษัทผมใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เป็นอันดับ 5 ของโลก 

"ตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้ดี จนเคยคิดว่าจะไม่กลับไปเรียน แต่เพราะเชื่อคำของคุณพ่อ คุณพ่อบอกคุณแม่เอาไว้ก่อนท่านจะเสียว่าต้องกลับไปเรียนให้จบ เลยกลับไปเรียนต่อแล้วให้น้องชายซึ่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการรักษาการแทนทั้งหมด กลับไปเรียนก็คือปริญญาโท 2 ใบ เลือกเรียนวิชาที่เป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ใบที่หนึ่งเรียนด้านการเมืองการปกครอง สาขาภาวะผู้นำ ที่ฮาร์วาร์ด ส่วนอีกใบเรียนด้านบริหารธุรกิจที่ M.I.T แมสซาชูเสจ สหรัฐอเมริกา ซึ่งที่เรียนการเมือง การปกครอง เพราะอนาคตยอมรับว่าผมสนใจเรื่องการเมือง" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าว

หนุ่มบริหารไฟแรง กล่าวอีกว่า อนาคตผมอยากเป็นนักการเมืองเหมือนกัน ถ้ามีพรรคไหนอยากให้ไปเป็นนะ (หัวเราะ) ที่ผ่านมามีหลายพรรคมาจีบแล้ว สาเหตุที่อยากลงมาเล่นการเมือง เพราะเบื่อข่าวที่ออกมาหาว่าไทยสู้ประเทศอื่นไม่ได้ ยิ่งเบื่อมากขึ้นที่ระบุกันว่าเวียดนามจะแซงหน้าไทย ทั้งๆ นี้บ้านเราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเจริญมากกว่าหลายเท่า แต่กลับไปไม่ถึงไหน อาจเป็นไปได้ว่าประเทศเราไม่เคยลำบากเหมือนประเทศเหล่านั้น มาถึงวันนี้ผมเลยอยากนำความรู้ที่ได้มาจากผู้นำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น บิล คลินตัน หรือบารัค โอบามา ที่มาพูดให้ฟังเมื่อปีที่แล้ว คนเหล่านี้มีความรู้ความสามารถ ผมเลยอยากนำความรู้ที่เรียนมาพัฒนาประเทศ" นี่เป็นแนวคิดของว่าที่นักการเมืองในอนาคต

แต่อีกด้านของชีวิตเขาก็มีไลฟ์สไตล์ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ชอบถ่ายรูป เล่นดนตรี กีฬา ชอบถ่ายรูป
"ที่ชอบเล่นกีฬาเพราะตอนเด็กๆ ก่อนคุณพ่อไปทำงานจะพาผมไปส่งที่สนามกีฬา ตอน 2 ทุ่มก็มารับ ผมก็เล่นกีฬาช่วงปิดเทอมมาตลอด เล่นจนเป็นนิสัย ตอนไปเรียนนิวซีแลนด์ตอนมัธยมต้นก็เล่นกีฬาและเรียนหนังสือ เพราะเมืองเงียบมาก ตอนนี้ผมทำงานเมืองไทยก็ยังรักเล่นกีฬา ปัจจุบันผมเป็นนักกีฬาตัวแทนของสโมสรราชกรีฑาสโมสรด้วย ตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอกก็เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยครับ ส่วนเรื่องถ่ายรูป คือ ผมชอบถ่ายรูปขาวดำ เลยชอบไปถ่ายรูปตามที่ต่างๆ แล้วก็ชอบให้คนอื่นถ่ายให้ เพราะมันเหมือนเป็นการเรียนรู้ ชอบหลอกถามคนนั้นคนนี้ ตอนนี้มีกล้องถ่ายรูปทั้งหมด 11 ตัว แล้วครับ"

ส่วนเรื่องของหัวใจ ทิม ยอมเปิดใจถึงสเปกสาวในฝันว่า สเปกสาวของผมจริงๆ ต้องเป็นคนใจดี เรียบร้อย ทำอาหารเก่ง หวานๆ ผมชอบคนที่จะเป็นผู้หญิงมากๆ แต่วันนี้ยังหาไม่เจอคนที่ว่าเลย (หัวเราะ) มีแต่คนที่สนิท ก็คุยๆ กันครับ (ยิ้ม) ส่วนที่เป็นข่าวกับ ไหม (วิสา สารสาส) ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นคนที่สนิทจริงๆ แต่วันนี้ก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ส่วนกับ ตอง (ภัครมัย โปตระนันท์) ก็เป็นเพื่อนที่เดินแบบด้วยกันบ่อยครั้ง ซึ่งก็เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่สนิทสนมกัน ถ้าเรียกว่าแฟนคงไม่ใช่ ซึ่งลองคิดดูมีเวลา 7 วัน ต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่ทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลาเลยถูกหารสองไปแล้ว วันนี้ผมต้องไปเรียนต่อให้จบโท ก็ยากที่จะมีผู้หญิงคนไหนจะมาคิดจริงจังกับผม ผมหน้าตาแบบนี้คงไม่มีใครมารักผมหรอก (หัวเราะ) แต่ก็ยอมเป็นเพื่อนไปก่อนได้
จากชีวิตติดลบ...แต่วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าอุปสรรคมีไว้ให้ข้ามผ่าน เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

Credit : Kapook.com


2 ความคิดเห็น:

  1. คุณเก่งสุดๆผมอยากพบคุณจัง.คุณคงช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128คำแนะนำดีๆคงทำให้ผมดีขึ้นได้

    ตอบลบ
  2. คุณเก่งสุดๆผมอยากพบคุณจัง.คุณคงช่วยผมได้.ดร.ธนัท063-210-4128คำแนะนำดีๆคงทำให้ผมดีขึ้นได้

    ตอบลบ